• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 


Item No.📌 D25E4 ชนิดของโครงสร้างรองรับในงานวิศวกรรม: คุณสมบัติแล้วก็ข้อดีข้อเสีย

Started by www.SeoNo1.co.th, May 13, 2025, 12:18 AM

Previous topic - Next topic

www.SeoNo1.co.th

ฐานราก (Foundation) คือส่วนที่สำคัญที่สุดของส่วนประกอบ เพราะเหตุว่าเป็นส่วนที่ช่วยรองรับน้ำหนักและถ่ายโอนแรงทั้งสิ้นจากโครงสร้างข้างบนสู่ชั้นดินหรือชั้นหินข้างล่าง การเลือกชนิดของรากฐานที่เหมาะสมกับลักษณะส่วนประกอบและก็สภาพดินเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้โครงสร้างมีความยั่งยืนมั่นคงรวมทั้งไม่เป็นอันตราย ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงจำพวกของฐานราก คุณสมบัติ ข้อดี และก็ข้อเสียของแต่ละจำพวก เพื่อช่วยให้รู้เรื่องแล้วก็เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม



🎯✨⚡ประเภทของโครงสร้างรองรับ

รากฐานสามารถแบ่งออกได้เป็นสองจำพวกหลักหมายถึงโครงสร้างรองรับตื้น (Shallow Foundation) และก็รากฐานลึก (Deep Foundation) โดยทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันในทางของส่วนประกอบ การออกแบบ และการปรับใช้

1. โครงสร้างรองรับตื้น (Shallow Foundation)
ฐานรากตื้นเป็นฐานรากที่วางอยู่ใกล้กับผิวดิน แล้วก็เหมาะกับองค์ประกอบที่น้ำหนักไม่มากมายหรือสภาพดินมีความแข็งแรงพอเพียง รากฐานประเภทนี้ได้รับความนิยมใช้ในโครงสร้างทั่วๆไป ยกตัวอย่างเช่น ที่อยู่อาศัย ตึกขนาดเล็ก และก็การก่อสร้างที่ไม่ซับซ้อน

-------------------------------------------------------------
เสนอบริการ Soil Boring Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Soil Test บริการ เจาะดิน วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็ม (Seismic Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
👉 Website:  เจาะสํารวจดิน
👉 Map: เส้นทาง
-------------------------------------------------------------

แบบอย่างของโครงสร้างรองรับตื้น
-โครงสร้างรองรับแผ่ (Spread Footing): เป็นรากฐานที่มีการกระจัดกระจายน้ำหนักของส่วนประกอบในพื้นที่กว้าง เหมาะกับอาคารที่มีคานแล้วก็เสาสร้างบนผิวที่แข็งแรง
-ฐานรากแถบ (Strip Footing): ใช้สำหรับรองรับกำแพงที่มีน้ำหนักค่อยหรือองค์ประกอบที่มีลักษณะเป็นแนวยาว
-ฐานรากแผ่น (Mat Foundation): ใช้สำหรับส่วนประกอบที่ปรารถนากระจายน้ำหนักในพื้นที่ขนาดใหญ่ ดังเช่น อาคารสูงในพื้นที่ดินอ่อน

ข้อดีของรากฐานตื้น
-ใช้งบประมาณน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับฐานรากลึก
-ก่อสร้างได้ง่ายแล้วก็เร็วทันใจ
-เหมาะกับพื้นที่ที่ดินมีความแข็งแรง

ข้อตำหนิของรากฐานตื้น
-ไม่เหมาะสมสำหรับพื้นที่ดินอ่อนหรือดินที่มีการเปลี่ยนสภาพ
-ไม่อาจจะรองรับโครงสร้างที่มีน้ำหนักมากมายได้

2. ฐานรากลึก (Deep Foundation)
ฐานรากลึกถูกวางแบบมาเพื่อกระจายน้ำหนักของส่วนประกอบไปยังชั้นดินหรือชั้นหินที่มีความแข็งแรงอยู่ลึกใต้ผิว เหมาะสำหรับองค์ประกอบขนาดใหญ่หรือพื้นที่ที่ดินมีความอ่อนตัวสูง

ตัวอย่างของรากฐานลึก
-เสาเข็มตอก (Driven Pile): เป็นเสาเข็มที่ถูกตอกลงดินเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เหมาะกับโครงสร้างขนาดใหญ่
-เสาเข็มเจาะ (Bored Pile): เป็นเสาเข็มที่เจาะดินและเทคอนกรีตลงไป เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่สามารถที่จะใช้เสาเข็มตอกได้
-โครงสร้างรองรับเสาเข็มลอย (Floating Foundation): ใช้ในส่วนประกอบที่ปรารถนากระจายน้ำหนักในพื้นที่ที่มีการยุบ

จุดเด่นของโครงสร้างรองรับลึก
-สามารถรองรับน้ำหนักของส่วนประกอบขนาดใหญ่ได้
-เหมาะสำหรับพื้นที่ดินอ่อนหรือดินที่มีการทรุดตัว
-เพิ่มความยั่งยืนมั่นคงให้กับส่วนประกอบในสิ่งแวดล้อมที่มีความเสี่ยง

ข้อตำหนิของฐานรากลึก
-ค่าครองชีพสูงกว่ารากฐานตื้น
-ใช้เวลาและก็เคล็ดวิธีเฉพาะสำหรับเพื่อการก่อสร้าง
-จำต้องอาศัยการสำรวจดินอย่างระมัดระวังเพื่อคุ้มครองป้องกันปัญหาที่บางทีอาจเกิดขึ้น

✨✅🎯การเลือกรากฐานที่สมควร

การเลือกชนิดของโครงสร้างรองรับขึ้นอยู่กับหลายต้นสายปลายเหตุ ตัวอย่างเช่น น้ำหนักของส่วนประกอบ ภาวะดิน รวมทั้งสิ่งแวดล้อม การสำรวจดิน (Soil Investigation) เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยทำให้วิศวกรสามารถประเมินและเลือกฐานรากได้อย่างเหมาะสม โดยกรรมวิธีการเลือกมีดังนี้:

การคาดการณ์น้ำหนักโครงสร้าง:
จำต้องพิจารณาถึงน้ำหนักของส่วนประกอบและก็การใช้งาน ได้แก่ อาคารอยู่อาศัย โรงงาน หรือสะพาน
การวิเคราะห์สภาพดิน:
ทำการเจาะตรวจดินแล้วก็ทดลองคุณลักษณะของดิน ยกตัวอย่างเช่น ความแน่น ความแข็งแรง และก็การซึมผ่านของน้ำ
สิ่งแวดล้อม:
พินิจพิเคราะห์เหตุที่บางทีอาจส่งผลต่อฐานราก ดังเช่น แรงสะเทือน อุทกภัย หรือดินกระหน่ำ
ความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ:
เลือกฐานรากซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการรวมทั้งงบประมาณ

✨🥇🦖ตัวอย่างการใช้งานในงานก่อสร้าง

บ้านพักอาศัย:
ใช้โครงสร้างรองรับแผ่หรือรากฐานแถบ เนื่องจากว่าน้ำหนักของโครงสร้างไม่มาก และก็ภาวะดินมีความแข็งแรง
อาคารสูง:
ใช้เสาเข็มเจาะหรือเสาเข็มตอกเพื่อรองรับน้ำหนักของส่วนประกอบและก็เพิ่มความมั่นคง
สะพาน:
ใช้ฐานรากเสาเข็มลึกเพื่อกระจายน้ำหนักของโครงสร้างไปยังชั้นดินป้อมอาจจะ
โรงงานหรือโกดังเก็บสินค้า:
ใช้รากฐานแผ่นหรือเสาเข็มตามรูปแบบของน้ำหนักบรรทุกรวมทั้งภาวะดิน

📢✨⚡ข้อสรุป

การเลือกชนิดของฐานรากที่เหมาะสมถือเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับเพื่อการสร้างความมั่นคงแล้วก็ความปลอดภัยให้กับส่วนประกอบ โครงสร้างรองรับตื้นเหมาะกับส่วนประกอบขนาดเล็กแล้วก็ดินที่มีความแข็งแรง ในขณะที่รากฐานลึกเหมาะสำหรับโครงสร้างขนาดใหญ่หรือพื้นที่ที่ดินอ่อน การวิเคราะห์สภาพดินและก็การออกแบบที่สอดคล้องกับมาตรฐานวิศวกรรมเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยทำให้โครงการก่อสร้างเสร็จได้โดยสวัสดิภาพและก็จีรังยั่งยืน

กระบวนการทำความรู้ความเข้าใจข้อดีขอเสียของโครงสร้างรองรับแต่ละจำพวกจะช่วยให้สามารถตกลงใจเลือกโครงสร้างรองรับได้อย่างมีคุณภาพ พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาวขององค์ประกอบในอนาคต
Tags : การเจาะสํารวจดิน boring log




Chanapot